อยากสอบเข้า ม.4 โรงเรียนดังให้ได้ แต่ตอนนี้ดันเป็นเด็กหลังห้อง คะแนนรั้งท้าย ไม่ใช่ตัว TOP ต้องเตรียมตัวยังไงดี?” เชื่อว่านี่คงเป็นอีกหนึ่งคำถามที่น้อง ๆ รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น ม.ต้น อยากที่จะรู้คำตอบกันอยู่ใช่ไหมเอ่ย? ครั้งนี้พี่แอดมินขอเป็นตัวแทนหมู่บ้าน อาสาไปหาคำตอบจากรุ่นพี่หลาย ๆ คน ที่เคยประสบพบเจอกับปัญหาแบบเดียวกัน คือไม่ใช่เด็กหัวกะทิ ไม่ใช่เด็กที่มีคะแนนเรียนดี แต่มีความมุ่งมั่น จนสามารถพิชิตสนามสอบเข้า ม.4 โรงเรียนดังได้สำเร็จ ว่าแต่พี่ ๆ เขามีวิธีการเตรียมความพร้อมยังไงกันบ้าง? บทความนี้มีคำตอบค่ะ

*โรงเรียนดัง มีความหมายเป็นนัย คือ โรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง มีผู้สมัครสอบเพื่อเข้าเรียนจำนวนมาก *เด็กหลังห้อง มีความหมายเป็นนัย คือ กลุ่มเด็กที่มักถูกมองว่าไม่ใช่เด็กเรียน ไม่ใช่เด็กที่มีคะแนนสอบ หรือคะแนนเก็บเป็นอันดับต้น ๆ ของห้อง




4 สิ่งที่ต้องแลก หากอยากสอบติด ม.4 โรงเรียนดัง


คงไม่แปลกหากความฝันของเด็ก ม.ต้น ส่วนใหญ่ (รวมไปถึงเด็กหลังห้องอย่างเรา ๆ) คือ การพิชิตสนามสอบเข้า ม. 4 โรงเรียนดังให้ได้ เพราะคาดหวังว่าการได้เข้าเรียนต่อ ม. ปลาย ในโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานของการเรียนการสอนเป็นที่ยอมรับ หรือถูกจัดอันดับอยู่ในระดับต้น ๆ ประเทศนั้น จะช่วยปูทางให้น้อง ๆ มีความรู้มากพอที่จะสามารถสอบเข้าเรียนต่อในคณะ หรือ มหาวิทยาลัยวิทยาลัยที่ตั้งใจไว้ได้ในอนาคต แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย ๆ เช่นเดียวกันหากน้อง ๆ อยากที่จะประสบความสำเร็จ อยากพิชิตสนามสอบเข้า ม. 4 โรงเรียนดัง ก็ต้องแลกเช่นกันค่ะ และสำหรับ 4 สิ่งสำคัญที่น้อง ๆ จะต้องใช้แลกมา หากอยากสอบติด ม.4 โรงเรียนในฝัน มีดังนี้

1. แลกมาด้วยเวลาช่วง ม. ต้น เป็นช่วงวัยที่น้อง ๆ เกือบทุกคน กำลังสนุกอยู่กับการใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน หรือใช้เวลาหมดไปกับการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น การเล่นโทรศัพท์มือถือ การเล่นอินเทอร์เน็ต การอ่านหนังสือการ์ตูน หรือกิจกรรมอื่น ๆ แต่สำหรับน้อง ๆ คนไหน ที่ตั้งเป้าหมายชัดเจนแล้วว่าต้องการสอบเข้า ม 4. โรงเรียนดัง การทำกิจกรรมบางอย่างอาจไม่เกิดประโยชน์และทำให้ต้องเสียเวลาเปล่า ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องแลกมา ก็คือ เวลา น้อง ๆ จะต้องให้เวลากับการหาข้อมูล ติดตามข่าวสารด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เช่น ควรต้องรู้ว่าวิชาไหนบ้างที่ต้องใช้คะแนนสอบในแต่ละสายการเรียน เพื่อที่จะวางแผนการเรียนได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ก็ควรให้เวลากับการหาข้อสอบของปีก่อน ๆ เพื่อที่จะนำโจทย์มาฝึกทำ และใช้ประเมินความรู้ความสามารถของตนเองเพื่อให้พัฒนาต่อได้ทันก่อนลงสนามสอบจริง

2. แลกมาด้วยความพยายาม สุภาษิตสอนใจที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ยังคงใช้ได้ดีกับทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะสำหรับน้อง ๆ ที่มีความตั้งใจอยากสอบเข้า ม. 4 ในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง และรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่เด็กที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของเด็กเรียนดี พี่ ๆ ขอแนะนำให้ท่องจำไว้ว่า ไม่ถึงต้องเขย่ง ไม่เก่งยิ่งต้องขยัน ถ้าเด็กหัวกะทิใช้ความพยายาม 10 เด็กหลังห้องอย่างเราก็ต้องใช้ความพยายามรวมถึงความขยันให้มากกว่าคูณ 2 คูณ 3 ไปเลย เราถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจไว้

3. แลกมาด้วยกำลังใจเชื่อว่าหนทางไปสู่ความสำเร็จอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องทุ่มเททั้งเวลา ทุ่มเทความพยายาม และอาจมีบางครั้งที่น้อง ๆ รู้สึกหมดกำลังใจ เช่น รู้สึกว่าทำไมตัวเองยังทำได้ดีไม่พอ ทำไมยังทำข้อสอบไม่ได้ ทำไมยังได้คะแนนไม่เท่าเพื่อนคนอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะคะ อย่าท้อ ทำให้สุดความสามารถ จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียดาย และเสียใจในอนาคต จะต้องไม่มีคำว่า รู้งี้ตั้งใจอ่านหนังสือมากกว่านี้ดีกว่า รู้งี้ฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ ดีกว่า ในช่วงที่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบ ลบคำว่า “รู้งี้” ออกไปจากพจนานุกรมของเราไปก่อนเลยค่ะ หากน้อง ๆ คนไหนหมดกำลังใจ พี่ ๆ ขอส่งพลังบวกและส่งกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนนะคะ

4. แลกมาด้วยความไม่รู้ มีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด…ทุกอย่างล้วนต้องผ่านเรียน” และเป็นเรื่องจริงที่ว่า คนเรามีสองมือเหมือนกันแต่บางคนถนัดใช้มือข้างซ้าย ในขณะที่หลายคนถนัดใช้มือข้างขวา ซึ่งก็ไม่มีใครผิดใครถูก แต่หากอยากใช้มือข้างที่ไม่ถนัด ก็ต้องผ่านการฝึกฝนและความพยายาม เช่นเดียวกับการเรียน การสอบเข้า ม. 4 โรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง หรือในทุก ๆ สนามสอบ อยากให้น้อง ๆ เริ่มต้นจากการยอมรับในตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง ยอมรับว่าเราไม่ได้รู้และฉลาดไปเสียทุกเรื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดเพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% และบางครั้งการยอมรับว่าโง่ก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพียงแค่ยอมรับแต่ไม่ได้ดูถูกตัวเองในเมื่อไม่ถนัดก็ต้องเรียนรู้เรื่องที่ไม่ถนัดและเรียนเรื่องที่ถนัดให้ดีที่สุด การที่เราเป็นคนที่ทำตัวเองให้เหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้วจะทำให้เราพัฒนา ดังคำกล่าวที่ว่า “รดน้ำลงต้นไม้ทุกวัน ต้นไม้ยังออกดอก ออกผล” หากเราเรียนรู้ทุกวันเราก็ย่อมพัฒนาได้เช่นกันค่ะ อยากให้น้อง ๆ ลองฝึกเป็นผู้รับฟังที่ดี มากกว่าเป็นผู้พูด และทำให้เห็น เป็นให้ดู เรื่องไหนที่ไม่ถนัดยอมรับไปเลย อย่าอายที่จะถามเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง เพราะการถามคืออาหารของปัญญา ดังนั้นพี่มีสมการใหม่มาให้น้อง ๆ คือ ยิ่งถาม = ยิ่งเก่ง + ฉลาด



How to เตรียมความพร้อมสอบเข้า ม.4


หากว่ากันด้วยเรื่องที่เด็กหลังห้องอย่างเรา ๆ อยากรู้ที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของ วิธีการ หรือ How to เตรียมความพร้อมสอบเข้า ม. 4 ให้ได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ และพี่ ๆ ได้รวบรวมสิ่งที่น้องอยากรู้มาบอกกันดังนี้

1. จัดตารางการอ่านหนังสือ เพราะการจะสอบเข้า ม. 4 ในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง จำเป็นต้องใช้คะแนนในการสอบหลายวิชา ดังนั้นเพื่อให้สามารถเก็บคะแนนได้มากที่สุด น้อง ๆ จำเป็นต้องบริหารเวลาให้เหมาะสม จัดตารางการอ่านหนังสือให้ตรงกับความถนัดของตัวเอง โดยแนะนำว่าวิชาที่ถนัดน้อยกว่าให้ใช้เวลากับการอ่านหนังสือและเตรียมตัวสอบให้มากกว่าวิชาที่ถนัดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นวิชาที่รู้สึกว่าตัวเองถนัดก็ต้องไม่ทิ้ง เพราะทุกคะแนนของทุกวิชาล้วนมีความสำคัญ ดีอยู่แล้วอาจไม่ได้แปลว่าดีที่สุด

2. ฝึกทำโจทย์กับข้อสอบจริง หลังจากอ่านหนังสือจนเกิดความเข้าใจในบทเรียน ทบทวนเนื้อหาต่าง ๆ ที่ต้องรู้ได้แล้ว สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งอีกหนึ่งอย่างก็คือ การฝึกทำโจทย์กับข้อสอบจริง ยิ่งฝึกทำโจทย์บ่อยโอกาสที่จะหาคำตอบที่ถูกต้องได้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ลดเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงของการตอบผิดลงได้ หรืออย่างน้อย ๆ น้องก็จะคุ้นตาและหากเจอโจทย์ลักษณะเดียวกันในสนามสอบจริง ก็จะสามารถประยุกต์ใช้สูตร หรือวิธีคิดต่าง ๆ ที่จะนำพาไปสู่การหาคำตอบที่ถูกต้องได้ และการฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ ก็อาจช่วยย่นระยะเวลาการทำข้อสอบให้สั้นลง ทำให้สามารถทำข้อสอบได้ครบทุกข้อทันเวลา

3. จัดการกับความเครียด ในระหว่างการเตรียมตัวสอบเข้า ม. 4 สิ่งที่ต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือความเครียด อย่างไรก็ตามเราจะต้องรู้ลิมิตของตัวเอง อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป เพราะความเครียดส่งผลต่อสุขภาพจิต และสุขภาพร่างกาย ดังนั้น ก่อนถึงวันลงสนามสอบจริง นอกจากความรู้ในเนื้อหาของบทเรียนที่จะใช้สอบแล้ว อีกสิ่งที่จะต้องเตรียมให้พร้อมคือร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเครียดจนเกินไป ให้หาวิธีจัดการกับความเครียดนั้น เช่น ผ่อนคลายด้วยการออกไปทำกิจกรรมที่ชอบบ้าง ให้เวลาตัวเองอยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนที่จะให้พลังบวกกับเรา เป็นต้น

4. ติวกับเพื่อน/ติวกับรุ่นพี่ น้อง ๆ หรือไม่ว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว การออกไปติวกับเพื่อน ๆ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่พี่อยากแนะนำ เพราะจะทำให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไป นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดจากการอ่านหนังสือและการฝึกทำโจทย์ได้อีกด้วย อีกหนึ่งวิธีพี่อยากแนะนำคือการติวกับรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ตรง และหากเป็นรุ่นพี่ที่จบการศึกษาหรือกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่เราอยากจะสอบเข้าได้ก็ยิ่งดี เพราะเราจะได้ฝึกทำโจทย์จริง ๆ ได้รู้ว่าข้อสอบจะออกไปในแนวไหน และสามารถเก็งข้อสอบได้ใกล้เคียงที่สุด

5. เรียนพิเศษ เพราะ บางครั้งการเรียนในโรงเรียนอาจไม่เพียงพอสำหรับเด็กหลังห้องอย่างเรา ๆ เนื่องจากเวลาที่มีอยากจำกัดทำให้คุณครูไม่ได้เจาะลึก หรือไม่ได้เน้นย้ำเฉพาะจุด จนบางทีก็อาจจะเกิดปัญหาการเรียนตามไม่ทันเพื่อนขึ้นกับเราได้ และจะยิ่งทำให้เราหมดกำลังใจในการเตรียมตัวสอบเข้า ม. 4 ดังนั้นการเรียนพิเศษเพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของวิชาต่าง ๆ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับเด็กหลังห้องที่อยากสอบเข้า ม.4 โรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง โดยแนะนำว่าให้เลือกเรียนพิเศษกับโรงเรียนกวดวิชาที่เราสามารถเลือกลงเรียนเฉพาะวิชาที่เราไม่ถนัดหรือต้องการเน้นย้ำเป็นพิเศษได้ ยิ่งถ้าได้เรียนกับพี่ติวเตอร์ที่วัยไม่ห่างจากเรามากบอกเลยว่ายิ่งเรียนสนุก ได้ฟิลแบบพี่น้อง เพราะคุยภาษาเดียวกัน เข้าใจง่าย ไม่เข้าใจตรงไหนเราก็กล้าที่จะถาม ยิ่งถ้าสามารถลงเรียนแบบออนไลน์ได้ก็จะตอบโจทย์สุด ๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่ทันเพื่อน ไม่เข้าใจตรงไหนก็หยุด หรือกลับไปฟังซ้ำได้อีกครั้ง

เพียงเท่านี้การันตีว่าน้อง ๆ จะต้องรับมือได้กลับสนามสอบเข้า ม. 4 โรงเรียนดังได้อย่างแน่นอน ขอส่งกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนที่มีความฝัน มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง และขออวยพรให้สามารถสอบเข้าเรียนในโรงเรียนที่ตั้งใจได้นะคะ เพี้ยง ๆ